เดิมทีเมื่อปี พ.ศ.2530 ได้มีนายทองสุข แสงอินทร์, นายกร ทองกำพร้า และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง
ต้องการสร้างวัดขึ้นมาใหม่ในละแวกที่พักอาศัยของตน
เพื่อเป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ
คุณพ่อเห่ง-คุณแม่อับ สินมาและคุณไพบูลย์ สินมา
ซึ่งก็ได้รับการอนุเคราะห์เป็นอย่างดี โดยได้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินจำนวน " 10 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา" ถวายในการสร้างวัด และได้อาราธนานิมนต์
"พระภิกษุโทน" มาจำพรรษา
แต่ต่อมาถูกถนนตัดผ่านเหลือที่ดิน 9 ไร่ 47 ตารางวา
ปัจจุบันได้ซื้อที่ดินขยายเพิ่มเป็น 18 ไร่ 1 งาน 78 ตารางวา
แต่ต่อมาประมาณกลางปี พ.ศ. 2537 พระภิกษุโทน ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอื่น
ซึ่งในขณะนั้นใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว แต่ยังไม่มีพระปกครองดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้
นายทองสุข แสงอินทร์ จึงได้ไปอาราธนานิมนต์ พระภิกษุจำเนียร วัดทองธรรมิการาม มาอยู่จำพรรษา แต่พอออกพรรษาแล้ว
พระภิกษุจำเนียรก็ได้ย้ายกลับไปยังวัดเดิมอีก
ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ต้องขาดพระปกครองดูแลอีกคราวหนึ่ง คงมีแค่พระหลวงตาเพียง 3
รูปในขณะนั้น
ในเวลาต่อมา นายทองสุข แสงอินทร์ พร้อมคณะได้ไปขออนุญาตจาก
พระครูปลัดสุวัฒนวรคุณ เจ้าอาวาส วัดสวนส้ม จ.สมุทรสาคร
ซึ่งเป็นอุปัชฌาชย์เพื่อขออาราธนานิมนต์ พระภิกษุสิทธิพร ชิตงฺกโร
พระสงฆ์ในสังกัดของวัดสวนส้ม (ซึ่งในขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัด น้อยนางหงษ์
ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร) มาเป็นพระปกครองดูแลสำนักสงฆ์ ณ แห่งนี้
ซึ่งในขั้นต้น...พระภิกษุสิทธิพร ได้ตอบปฏิเสธ
เนื่องจากอายุและพรรษายังน้อยอยู่ จึงเกรงว่าจะปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่ด้วยขัดแรงศรัทธาของชาวบ้านและคำสั่งของพระอุปัชฌาชย์มิได้
จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระครูบาอาจารย์ที่นับถือ คือ หลวงพ่อตี๋ (เซ้ง ปสาโท)
เจ้าอาวาสวัดบางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลวงปู่อินทร์ ธมฺมโชติ
อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองรี อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สุดยอด 2 พระเกจิในอดีตเมืองราชบุรี โดยเฉพาะทางด้าน "วิปัสสนา - กรรมฐาน" นั้น เป็นที่เลื่องลือเป็นอย่างมาก ซึ่งพระอาจารย์ทั้ง 2 รูปต่างก็สนับสนุนพร้อมให้พรและทำนายว่า
"จะสามารถสร้างวัดได้สำเร็จและเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน"
ด้วยเหตุนี้เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2537 พระภิกษุสิทธิพร
จึงได้เดินทางย้ายจากวัดน้อยนางหงษ์ มาจำพรรษาอยู่ ณ
สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อได้มาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้แล้ว ได้ตรวจสอบพบว่า ณ
ที่แห่งนี้ยังมิได้มีการขออนุญาตทำการสร้างอย่างถูกต้อง
จึงได้ดำเนินการทำหนังสือขออนุญาตการสร้างวัด เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2538 และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดได้เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2539
ต่อมาในเดือนเมษายน 2540 จึงได้มีการทำหนังสือ
"ขอตั้งวัด" อย่างเป็นทางการ โดยได้รับประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการ
ประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2541
มีนามว่า "วัดศรีสินมา"
และต่อมาในวันที่ 7 พ.ย. 2541 พระภิกษุสิทธิพร
ได้รับการแต่งตั้งเป็น "พระอธิการสิทธิพร ชิตงฺกโร " ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสินมา และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 ได้รับการแต่งตั้งเป็น "ฐานานุกรมในพระเดช พระคุณฯ พระธรรมธีรราชมหามุนี เจ้าคณะภาค 7 รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ
กทม. ในตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์"
ด้วยปฏิปทาอันมุ่งมั่นของคณะสงฆ์วัดศรีสินมามีต่อพระพุทธศาสนา
จึงเป็นที่เลื่อมใสของญาติโยมและชาวบ้านที่ได้สัมผัส
จึงได้รับการสนับสนุนทางด้านต่างๆ ด้วยดีตลอดมา ครั้งหลังสุดได้รับการมอบถวายที่ดินเพิ่มขึ้นอีกจาก
คุณแม่นกกระทา สู่ภิพักดิ์ จำนวน 1 ไร่ คุณชาติชัย กิตติคุณชนก จำนวน 1 ไร่ คุณพ่อซ้อน
ทองกำพร้า จำนวน 2 ไร่ ทำให้ในปัจจุบันวัดศรีสินมา
มีธรณีสงฆ์จำนวน 14 ไร่ 2 งาน 28
ตารางวา
และเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2547 พระเดชพระคุณฯ พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ เป็นประธานพิธี
"เททองหล่อพระประธานประจำอุโบสถวัดศรีสินมา ขนาดหน้าตัก 116 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ฐานถึงยอดเกศเปลวเพลิงมีขนาดความสูง 179 นิ้ว" โดยมีชาวพุทธศาสนิกชนหลายพันคนร่วมในพิธีอย่างสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างภายในงานสำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกประการ |